บทความที่ได้รับความนิยม

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เรื่องเล่าจากสึนามิ

เรื่องเล่าจากสึนามิ
โสภณ เปียสนิท
.....................................

                ห้าโมงเช้าของวันที่ 25 มกราคม 2548 สาววัยใสในชุดธรรมดาทั่วไปยกมือสวัสดีตรงหัวมุมบันได ขณะที่ผมกำลังจะกลับขึ้นชั้นสองสู่ห้องทำงาน ด้วยสัญชาติญาณ ผมยกมือตอบรับพร้อมยิ้มให้และทักทายด้วยประโยคที่เป็นกลาง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง สบายดีนะ เพราะไม่แน่ใจว่าเธอจะใช่ศิษย์หรือไม่? รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา เธอตอบว่า สบายดีค่ะ แล้วมาทำอะไรวันนี้ ผมเริ่มหาข้อมูลเพิ่มเติม เธอตอบว่า มาขอเอกสารหลักฐานค่ะ เอาไปทำอะไรอีก เธอตอบว่า อันเก่าไปกับสายน้ำสึนามิแล้ว

                ได้ผลครับคำตอบท้ายสุดที่เธอให้ มีผลสำคัญมากกว่าสิ่งที่ผมคาดว่าจะได้รับ นั่นก็คือ แรกทีเดียวต้องการรู้เพียงว่าเธอเป็นศิษย์รุ่นไหน เก่าหรือใหม่ แต่คำตอบนี้ทำให้ผมรู้ว่า เธอเป็นศิษย์รุ่นเก่าที่จบไปแล้ว และเธอได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมวันที่ 26 ธันวาคม 2547 กับเขาด้วย

                เชิญเธอสนทนาต่อที่สำนักงานทันที ทั้งที่มีงานอื่นรออยู่อีกมาก ข้อมูลจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นควรบันทึกไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้จดจำและเรียนรู้
                เธอชื่อ ประเทืองศรี แต้มเพชร นักศึกษาสาขาวิชาเอก ภาษาอังกฤษธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล รับปริญญาเมื่อปี  2544 แล้วกลับบ้านที่นครศรีธรรมราช พักผ่อนอยู่บ้านไม่นานนัก ชีวิตเริ่มพเนจรอีกครั้ง เธอได้งานทำที่ร้านอาหาชื่อ อุทยานอาหารไทยนาน ซึ่งเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต สี่แยกบายพาส ตรงข้ามห้างเซ็นทรัล ตำแหน่งเรียกแขกเข้าร้าน มีรายได้รวม ๆ แล้ว ราว 7000 บาทต่อเดือน นับว่าพออยู่พอกิน

                บุญหรือกรรมกันเล่าที่ขีดชะตาชีวิตคน สองเดือนก่อนเกิดโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญ พี่นงคราญ แม่ครัวที่เธอคุ้นเคยได้ออกไปทำงานที่พีพี ปริ้นเซส ซึ่งเป็นบังกะโลและร้านอาหารกลับมาชักชวนเธอให้ไปทำงานด้วย เพราะมีเงินดีกว่าที่ทำอยู่เดิมมาก เธอและเพื่อนอีกสองคน เห็นคล้อยตามกันว่าจะไปด้วยกัน

                ที่ทำงานแห่งใหม่ พีพี ปริ้นเซส มีบังกะโล 150 หลัง หนึ่งหลังพักสองคนบ้าง สี่คนบ้าง ตั้งอยู่ริมชายหาด ฝั่งตรงข้ามท่าเทียบเรือ กล่าวกันว่าเป็นมุมที่มีทัศนียภาพสวยที่สุดของเกาะพีพี เธอยังคงรับหน้าที่ในตำแหน่งเดิมคือ ฝ่ายต้อนรับ หน้าที่ที่ทำมากกว่าชื่อตำแหน่ง เพราะต้องต้อนรับ จัดโต๊ะ ตรวจสภาพอาหาร ตรวจป้ายชื่ออาหาร เป็นต้น บางครั้งบางทีพนักงานเช็ดจานเช็ดโต๊ะไม่พอ เธอก็ต้องรับผิดชอบเข้าไปด้วย
            เดือนแรกคือเดือนพฤศจิกายนได้รับเงินรวมแล้วราว ๆ 14000 บาท เธอฝันหวานถึงอนาคตอันสดใสกาววาวขึ้นมาทันที คงมีเงินทำอะไรต่ออะไรได้หลายอย่างที่ปรารถนาในเวลาอันไม่นาน รุ่นพี่ที่มาอยู่ก่อนคนหนึ่งชอบนำเงินมาเก็บไว้ใต้ที่นอน เธอมักเย้าเล่นว่า นอนบนกองเงินกองทอง และเธอเองก็หวังว่าจะมีเงินเหมือนรุ่นพี่เขาบ้างในไม่ช้า...

                เดือนที่สอง วันที่ 25 ธันวาคม 2547 เป็นวันคริสมาส เธอเชียร์แขกด้วยความสนุกสนาน เพราะแขกมากย่อมหมายถึงเงินค่าบริการ (ทิป) ที่มากขึ้นตามไปด้วย แขกที่ผ่านมาที่ร้านต่างร่วมงานรื่นเริงอย่างสนุกสนานทั้งไทยและเทศ แน่นอนวันรุ่งขึ้นเป็นวันพักผ่อน การพักผ่อนย่อมยาวนานกว่าวันธรรมดา ไม่มีใครรู้ว่าเป็นการพักผ่อนตลอดกาลสำหรับบางคน

                ราวแปดโมงเช้าเกิดแผ่นดินไหว เธอมารู้เอาตอนเก้าโมงสี่สิบห้าหลังเข้าทำงานแล้ว เหตุการณ์อื่น ๆ ยังเป็นไปเหมือนที่เคยเป็น วงจรแห่งชีวิตเดิมเริ่มกลับมา เช็ดจาน ตรวจความพร้อมโต๊ะเก้าอี้ พูดคุยกระเซ้าเย้าแหย่เพื่อนร่วมงานคนนั้นคนนี้

                10.10 น. เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งอยู่แผนกบาร์เทนดี้เห็นน้ำหายไปอย่างรวดเร็ว แปลกใจอย่างที่สุดจึงตะโกนบอกเพื่อนพ้องให้ดู เธอเองก็ร่วมดูกับเขาด้วยเช่นกัน ภาพที่เห็นคือทะเลหายไป ชายหญิงชาวต่างชาติสองคู่เดินริมหาด เด็กเล็กสองสามคนวิ่งจับปลาบนทราย
                ไม่นานจากนั้น เธอมองเห็นน้ำสีโคลนพุ่งวาบกลับสู่หาดอย่างรวดเร็วจนตื่นตะลึง วิบหนึ่งแห่งสติกลับคืนมา เธอตะโกนสุดเสียงเรียกเด็กให้หนีจากหาดทราย เพื่อนชายคนหนึ่งได้สติก่อนจับแขนเธอพร้อมตะโกนเสียงดัง วิ่ง เมื่อน้ำอยู่ห่างออกไปราว 100 เมตรเท่านั้น มุ่งหน้าสู่โรงอาหาร ก็ไม่รู้ว่าวิ่งไปตรงนั้นทำไมวิ่งไว้ก่อนเท่านั้น ระหว่างบังกะโลและโรงอาหารมีต้นไม่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราวหนึ่งฟุต ชั่ววิบเดียวเธอขึ้นไปอยู่บนต้นไม้แล้ว

                มองย้อนกลับไปที่ชายหาด น้ำโคลนยังคงทะลักมากับเกลียวคลื่นไม่ขาดสาย เศษซากสังกะสี ไม้กระดาน กระป๋อง ต้นไม่ กิ่งไม้ สินค้า ฝาบ้าน จิปาถะลอยมากลับสายน้ำผ่านใต้ต้นไม้ที่เธอนั่ง มองข้าง ๆ และข้างบน พบว่าต้นไม้เล็ก ๆ ที่ช่วยชีวิตเธอและเพื่อนยังช่วยชีวิตผู้อื่นอีกสามคน รวมห้าคน
            คลื่นโคลนยังต่อเนื่อง เพื่อนร่วมต้นไม้คนหนึ่งปีนสูงขึ้นไปด้วยความตกใจ แต่กลับตกลงมา ดีแต่ว่าช่วยกันจับตัวไว้ได้ จึงไม่หล่นลงไปในน้ำเชี่ยวกลางคลื่น

                เรือเร็วลำหนึ่งลอยมากับกระแสคลื่นกระแทกต้นไม้ใหญ่แตกหักไม่ห่างออกไปนัก ปลาหลายตัวกระโดดดิ้นกลางดินยามคลื่นหยุด บางคนอยู่บนต้นมะพร้าวตะโกนโหวกเหวกบอกข่าวเมื่อเห็นคลื่นใหญ่ทยอยเข้าสู่ฝั่ง บางคนอยู่บนตัวอาคารอาวุโส หรืออาคารสำนักงานที่เหลือแต่ชั้นบน
                ราวครึ่งชั่วโมงแห่งความโหดร้ายทารุณของกระแสคลื่นถาโถมถั่งท้นระลอกแล้วระลอกเล่า เวลาแต่ละนาทีค่อย ๆ คืบคลานผ่านไปอย่างเนิ่นช้า ในความรู้สึกเหมือนหนึ่งว่านานนับกัปกัลป์ ด้วยความตื่นเต้น ทั้งห้าชีวิตยังคงเกาะอยู่บนกิ่งไม้สูงราวสองวาไม่ยอมลง ภาพเบื้องล่าง ทั้งไกลและใกล้ มีโศกนาฏกรรมแห่งชีวิตให้มองเหมือนหนังเรื่องยาว

หญิงชาวญี่ปุ่นวัยกลางคนตามหาสามีในอาการตระหนกสุดขีด เดินไปร้องไห้คร่ำครวญไปตะโกนเรียกชื่อสามีไปจนเสียงแหบแห้ง ฝรั่งสองคนลงจากตึกมาช่วยเธอขุดคุ้ยพื้นเศษซากที่ทับถม เหมือนโชคช่วยหรือชะตาไม่ถึงฆาต เธอสังเกตเห็นร่างสามีเธอในสภาพหมดสติใต้ซากปรักหักพัง ต่างช่วยกันขุดคุ้ยจนสามารถนำร่างนั้นขึ้นตึกไปปฐมพยาบาลกันต่อไป   

            ระหว่างเวลาที่ผ่านไป ทั้งห้าคนปรึกษาหารือเรื่องหาที่ที่ปลอดภัยกว่าเดิมอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดได้ข้อสรุปว่าต้องหาชัยภูมิใหม่ที่ดีกว่า จึงลงจากต้นไม้แห่งชีวิต ไต่ลัดเลาะไปบนรั้วข้ามหลังคาบังกะโลที่เหลือแต่เสากับหลังคา ตึก และผ่านต่อไปอยู่ที่ดาดฟ้าอาคารขนาดใหญ่สูงหกชั้น ของ พีพีโฮเตล สภาพที่พานพบระหว่างนี้คือภาพแห่งความน่าเวทนามีแต่การค้นหาและเสียงร้องระงมไปทั่ว

                คลื่นแห่งข่าวลือยังคงทยอยมาเป็นระลอกเหมือนคลื่นทะเล มีเสียงตะโกนบอกต่อกันว่าคลื่นจะมีอีกตอนนั้น เดี๋ยวจะมาตอนนี้ จนหาความแน่นอนไม่ได้ว่าจริงหรือเท็จ เธอและเพื่อนปรึกษากันว่าจะไปที่วิวพ้อยท์ ซึ่งอยู่บนเขาสูงแต่ค่อนข้างไกล แต่ต้องเตรียมความพร้อมด้วย สองคนช่วยกันหยิบฉวยอาหารของที่กินได้ระหว่างทางผ่านได้ขนมกรุบกรอบมาสองสามถุง ผ้าขนหนึ่งผืน กางเกงยีนหนึ่งตัว ผ้าอนามัยอย่างดีหนึ่งชุด และน้ำโซดามะนาวอีกหนึ่งขวด ทั้งกลุ่มชวนกันวิ่งขึ้นเขาวิวพ้อยท์ที่มีบันไดสามร้อยกว่าขั้นอย่างรวดเร็ว

                บนเขามีผู้คนมากมายหลบน้ำมาพึ่งบกเหมือนกับเธอและเพื่อน ๆ ท่ามกลางความไม่พร้อม ความหนาวเย็นแห่งค่ำคืนนี้ จึงหนาวเหน็บเจ็บเนื้อได้มากกว่าความหนาวเย็นในคืนอื่น ๆ หลายเท่า หลายคนช่วยกันหาฟืนมากองสุมกันเป็นกองโตแล้วจุดไฟ เรื่องเล่ารอบกองไฟในคืนนี้ช่างเหมือนกับนิทานรอบกองไฟจากค่ายลูกเสือในวัยเด็ก ต่างแต่ว่าเรื่องที่เล่าและเปลี่ยนกันเป็นประสบการณ์ที่เพิ่งจะได้เห็นสด ๆ ร้อน ๆ ทุกคนไม่มีใครยอมเลิกรา และไม่ยอมหลับนอน เพราะถึงนอนก็นอนไม่หลับ ราวตีสามกว่า ๆ หน่วยแพทย์อาสาจากนครศรีธรรมราชเดินทางมาถึง และช่วยปฐมพยาบาลผู้ที่บาดเจ็บได้จำนวนมาก
ห้าโมงเช้าของวันใหม่เธอตัดสินใจกลับลงไปดูที่ทำงาน เพราะเป็นห่วงทรัพย์สินเล็ก ๆ น้อย ๆ พร้อมเอกสารสำคัญ เป็นไปตามที่คาดไว้ ไม่มีสิ่งใดเหลือเหลืออยู่เลย เดินดูแล้วเหมือนว่าไม่ใช่ที่ที่เธอคุ้นเคย ร่างไร้ลมหายใจของผู้จัดการเบียดติดกับโคนต้นมะพร้าวไม่ไกลนัก ผู้ช่วยพ่อครัวเสียชีวิตไปอีกสองคน เด็กเช็ดจานทำงานครัวตายสามคน คนแก่ล้างจานสามคน พ่อครัวหนึ่งคน ส่วนสถานที่นั้น ตึกสำนักงานและหอพักสองชั้น ชั้นล่างหายไปทั้งสองหลังชั้นบนไม่ได้รับผลกระทบ เหมือนอยู่ปกติ บังกะโล 150 ห้อง หอพักอีกหนึ่งหลัง หายไปทั้งหมดเหมือนไม่เคยมี

เธอตัดสินใจพาชีวิตที่เหลืออยู่ขึ้นเรือไปจังหวัดกระบี่ โชคดีพี่สะใภ้มารอรับอยู่แล้ว จึงเดินทางกลับบ้านที่นครศรีธรรมราชด้วยความปลอดภัย สองสามวันต่อมา ทางเจ้านายเก่าโทรมาแจ้งว่าจะได้รับค่าชดเชย 2000 บาท และเงินเดือนสุดท้ายอีก 2000 บาท พร้อมขอให้เห็นใจอย่าได้เรียกร้องอะไรอีกเลย เธอน้อมรับด้วยความยินดี อย่างน้อยชีวิตที่รอดกลับบ้านก็มีค่าเหนือกว่าสิ่งใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น