บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

นิทานสอนลูก

นิทานสอนลูก
โสภณ  เปียสนิท
..........................................

            ปลายเดือนมีนาคมปีนี้ร้อนแล้งกว่าปีก่อนในความรู้สึกของผม (ปีที่แล้วก็เขียนอย่างนี้) แต่ปีที่แล้วหน้าร้อนอย่างนี้ ผมยังสามารถนอนในบ้านโดยไม่ต้องเปิดพัดลมได้บ้างเป็นบางครั้งบางคราว แต่ครั้งนี้ร้อนขนาดนอนเฉย ๆ ในบ้านยังร้อนจนต้องเปิดพัดลมตลอดเวลา จนมอร์เตอร์พัดลมตัวเก่าทนไม่ไหวร้อนจนควันคละคลุ้งขึ้น ดีที่ผมเห็นเสียก่อนจึงจัดการชักปลั๊กไฟออกก่อนที่ไฟจะไหม้บ้าน

                ไม่ว่าจะร้อนอย่างไร หัวหินยังคงความเป็นหัวหินอย่างสมภาคภูมิ ทุกครั้งที่ลมพัดผ่าน ความเย็นฉ่ำจะตามมาด้วยเสมอ และนี่เองคือเสน่ห์ของเมืองชายทะเลที่มีชื่อเสียงลำดับต้น ๆ ของประเทศมานาน จำได้ว่าหน้าร้อนปีที่แล้ว ผมพาครอบครัวกลับไปเมืองกาญจน์บ้านเกิดเพื่อร่วมกิจกรรมวันสงกรานต์กับแม่และญาติพี่น้อง ความร้อนที่บ้านเกิดขับไล่ผมกลับหัวหินก่อนเวลาที่กำหนด เนื่องจากไม่รู้ว่าจะไปหลบอยู่ที่ไหน ใต้ต้นไม่ใหญ่ ในดงกล้วยใกล้สระน้ำ กลางบ้านและเปิดพัดลมแรงสุด ก็ยังร้อนจนผมปวดหัว ลากเก้าอี้ผ้าใบนั่งใต้ต้นไม่ชายบ้าน เอาน้ำราดพื้นจนรอบบริเวณ แล้วนั่งเอาเท้าแช่ในถังน้ำก็ยังไม่หายร้อน

                ต้นไม้ใหญ่ใกล้บ้านทิ้งใบร่วงกราวลงพื้นอย่างไม่ใยดี  มะขามเทศบางต้นสลัดใบ บางต้นออกฝักเขียวบ้างแดงบ้างทั่วทั้งต้น ต้นคูนทิ้งใบแต่ออกดอกเหลืองอร่ามเห็นอยู่ทั่วไป ต้นชัยพฤกษ์ก็เช่นกัน ทิ้งใบโกร๋นเกลี้ยง แต่ออกดอกสีขาวชมพูดูสาวงามน่าชม อย่างน้อยหน้าแล้งร้อนจนชวนใจคอห่อเหี่ยวแต่ยังมีดอกไม้สีสวยชโลมใจ

ลูกสาวคนเดียวของผมขณะนี้อายุสองปีกับสองเดือนเศษ เธออยู่ในวัยซุกซนและชอบส่งเสียงดัง คำถามที่เธอถามเป็นประจำก็คือ นี่อะไร? เจออะไรเป็นต้องถามด้วยคำถามนี้จนผมและแม่บ้านตอบกันจนเบื่อแล้วเบื่ออีก แต่ก็ต้องพยายามตอบ เพราะหนังสือเกี่ยวกับแม่และเด็กที่ผมเคยอ่าน บอกไว้ว่าคำถามของเด็ก หากพ่อแม่เอาใจใส่และตอบให้ดีเด็กจะฉลาด ใครละครับที่ไม่ต้องการให้ลูกเป็นเด็กฉลาด ดังนั้นเบื่อก็ต้องเก็บอาการ ตีหน้ายิ้มเป็นคุณพ่อใจดีอยู่เสมอ

                วันเสาร์ที่แล้ว ผมอยู่บ้านกับครอบครัวตามประสาพ่อแม่ลูก เนื่องจากไม่มีธุระอันใดที่ต้องทำ และที่สำคัญก็คือภาวะอากาศร้อนปลายเดือนมีนาคมไม่ชวนให้คิดเรื่องการออกนอกบ้านมากนัก ผมหยิบหนังสือสองสามเล่มมาวางไว้ใกล้หมอนขวานหรือหมอนอิง ที่ประจำของผมที่ลูกกาญจน์มักชอบแกล้งมานอนก่อนเมื่อรู้ว่าผมกำลังจะเข้าประจำที่

                ครั้งนี้คุณลูกช้ากว่าผมเล็กน้อย เพราะผมเลือกเอาเวลาที่เธอกำลังอาบน้ำกับคุณแม่ในห้องน้ำ นั่งเอนหลังอ่านหนังสือพิมพ์ก่อนเป็นอันดับแรก กวาดสายตาดูหัวข้อข่าวสำคัญ ๆ ข่าวการประชุม ครม. (คณะรัฐมนตรีนะไม่ใช่คอยรถเมล์) สัญจรที่จังหวัดนราธิวาส ข่าวประธานสมาชิกวุฒิสภาประกาศไล่ สอวอถลุงเงินหลวงไม่อายชาวบ้าน ข่าวบริษัทยักษ์ใหญ่มือถือต่อสู้กันในทางธุรกิจ (น่าจะเป็นผลดีกับประชาชน เพราะราคาจะถูกลง) ข่าวธนาคารศรีนคร ยุบรวมกับนครหลวงไทย ข่าวคณะกรรมการโอลิมปิกไทยเลือกตั้งผิดระเบียบขาวหน้าทั่วโลก และข่าวเด็ด ข่าวผู้ว่าตำหนินักร้องลูกทุ่งแต่งตัวอุจาด ประกาศจะไม่ให้เข้าจังหวัด พร้อมกับมีข่าวลือตามมาว่า ท่านเรียกนักร้องไปพบเป็นการส่วนตัว แต่นักร้องกลัวความเสียหายจึงไม่ได้ไปพบ จึงเกิดการประณามกันขึ้น ยุคอำนาจนิยมสมัยเก่า ๆ ข่าวลือแบบนี้บ่อยมาก ปัจจุบันคงหมดยุคไปแล้วครับ ผมว่า

                ลูกสาวอาบน้ำเสร็จ ห่มผ้าเช็ดตัววิ่งแจ้นมาหาทั้งที่ตัวยังเปียกน้ำ ผมต้องรีบวางหนังสือพิมพ์ หยิบผ้าเช็ดตัวให้เธอ แห้งแล้วทาแป้งเย็น ใส่เสื้อผ้าตัวโปรดที่เธอหยิบมาให้ เสร็จแล้วเธอหยิบของเล่นชนิดต่าง ๆ ที่กองเกลื่อนกลาดกลางบ้าน ชนิดที่ไม่ต้องเก็บกัน เพราะเก็บก็อยู่ในสภาพที่เรียบร้อยได้ไม่นาน เก็บเธอแกะ ๆ ในที่สุดต้องยอมแพ้จนได้ คือไม่เก็บ เมื่อไม่เก็บเหมือนว่าเธอจะหมดสนุกและไม่ค่อยจะอยากเล่นเท่าไร

                ผมอ่านหนังสือไปแอบมองเธอเล่นไปด้วย ไม่นานนักเธอหาวสองสามครั้ง แล้วลุกเดินมาที่ผม พร้อมกับหยิบหนังสือนิทานเล่มเล็ก ๆ ของเธอติดมือมาด้วย พร้อมกับพูดย้ำ ๆ ว่า พ่ออ่าน ๆ ๆ ในความหมายก็คือ ผมต้องปฏิบัติหน้าที่พ่อโดยอ่านหนังสือให้เธอฟัง ผมหมดทางเลือกหยิบหนังสือนิทานของเธอมาดู เห็นว่าเป็นนิทานเกาหลีเรื่อง หนึ่งเมล็ดข้าวฟ่างแลกภรรยา เธอนอนหนุนแขนผมฟังผมอ่านได้สักครู่เดียว ก็เริ่มพลิกไปพลิกมา แย่งเปิดหนังสือหน้าอื่น ในที่สุดก็กลายเป็นเปิดหนังสือและชี้ให้ดูภาพ และเล่าประกอบแบบคร่าว ๆ เพราะเธอเล่นให้ผมเปิดหน้าแล้วหน้าเล่ากลับไปกลับมาโดยไม่หยุด

                ผมหากลยุทธใหม่ เพื่อหนีปัญหาที่ลูกชอบเปิดหนังสือไม่หยุดโดยการเล่าเรื่องสด ๆ เพราะคิดว่าเมื่อไม่ได้อ่านลูกก็ไม่รู้จะเปิดหนังสืออะไรให้วุ่นวายอีก

                ที่ต้นมะขามเทศข้างบ้านนะลูก เมื่อปีที่แล้วกิ่งใหญ่ ๆ หลายกิ่งยื่นมาที่หน้าต่างบ้านของเรา จนมีบางครั้งที่มีงูเขียวไต่ข้ามจากต้นมะขามเทศเข้ามาเยี่ยมเจ้าของบ้าน เมื่อจ๊ะเอ๋กันขึ้นเจ้าของบ้านกลัวจนตัวสั้นเป็นเจ้าเข้า ทั้งที่งูเขียวพยายามทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวอย่างดีแล้วก็ตาม วันต่อมาคนงานได้รับคำสั่งให้มาตัดกิ่งที่ระไปถึงหน้าต่างทุกบาน เพื่อตัดสะพานเชื่อมระหว่างบ้านกับต้นไม้ เป็นอันว่างูเขียวแม้จะคิดถึงเจ้าของบ้านมากเพียงใด ก็ไม่อาจที่จะข้ามมาเยี่ยมเยือนได้อีกเลย

ถึงตอนนี้ผมลอบชำเลืองมองลูกสาว เห็นเธอนอนหนุนแขนผมหันหนาเข้าข้างฝาด้วยดวงตาที่หรี่ปรือ นึกดีใจว่านิทานแบบนี้ได้ผลแฮะ อีกไม่นานลูกคงหลับ เธอกระพริบตาปริบ ๆ แล้วหาวปากกว้างหนึ่งครั้ง และหันกลับมามองผมเมื่อเห็นผมหยุดเล่านานเกินไป พร้อมกับคะยั้นคะยอให้ผมเล่าต่ออีก

เมื่อปีที่แล้วพ่อเห็นนกปรอดมาทำรังบนกิ่งมะขามเทศด้วยนะลูก ลูกสาวมองหน้าผมแล้วทำหน้าเศร้า น่าสงสารจัง คราวนี้ผมงงบ้าง สงสารใครหรือลูก เธอทำหน้าภูมิใจที่ได้อธิบายให้ผมรู้ สงสารต้นมะขามเทศนะซิ เธอหักมุมจนผมเองคาดไม่ถึง อ้าวทำไม เธอตอบด้วยเหตุด้วยผลอย่างน่าฟัง มันหนัก อาจหักลงได้ ผมแปลกใจที่เธอคิดไกลไปถึงขนาดนั้น ไม่หักหรอกน้ำหนักมันนิดเดียว คราวนี้ดูเหมือนว่าเธอหายง่วง ตาสว่างแจ๋ว มันเพิ่มขึ้นมาก ไหนจะรังหญ้า พ่อแม่นกอีกสองตัว แล้วยังจะมีไข่อีก โอ้โห เด็กนี่คิดไปได้ขนาดนี้ ฟังแล้วแทบไม่เชื่อ แต่กิ่งไม้คงไม่ถึงกับหักหรอก หักแน่ เพราะวันก่อนฝนตกกิ่งไม้ยังหักเลย นั่นไง เธอเคยเห็นกิ่งไม้หักนี่เอง

หลับได้แล้วลูก ผมยังคงคิดถึงการอ่านหนังสือที่วางไว้ข้างตัว เธอมองตาแป๋วแล้วบอก เอาเรื่องสะกิ๊ป เธอหมายถึงเรื่องของสุนัขตัวหนึ่งที่เธอคิดเอาเองว่าเป็นสุนัขตัวโปรดของเธอ หลังจากได้เห็นภาพการ์ตูนประกอบเรื่องที่ผมนำมาเล่า หลังจากนั้นก่อนนอนจะขอฟังเรื่องสะกิ๊ปอย่างเดียว

ได้เลยลูก นอนลงก่อนแล้วหลับตาเลยนะ เธอทำตามอย่างว่าง่าย แต่ไม่วายหันมาบอก คงกลัวจะฟังเรื่องราวไม่จบ ถ้าหนูหลับพ่อปลุกให้ฟังก่อนนะ ผมอดยิ้มให้กับความคิดของเด็กไร้เดียงสาไม่ได้ เอาน่า ฟังก่อน ...เย็นวันหนึ่งสะกิ๊ปเดินไปเล่นอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน มองออกไปนอกประตูรั้ว เกิดความอยากรู้ว่าข้างนอกบ้านมีอะไรสนุกๆ ให้ดูบ้าง จึงแอบขุดใต้รั้วลอดออกไปเล่นอยู่ข้างนอก หมาใหญ่ตัวหนึ่งเดินผ่านมาเห็นเข้า จึงวิ่งไล่กัด เจ้าสะกิ๊ปหาทางเข้าบ้านไม่เจอ... ลูกสาวลืมตาขัดจังหวะ ไม่เอาซิพ่อ เอาแบบหาทางเข้าบ้านเจอซิ เออ นะ นิทานก็ดีอย่างนี้มีต่อรองได้ด้วย พอดีเจ้าสะกิ๊ปวิ่งหนีไปทางที่ลอดออกมา แต่วิ่งเร็วเกิน ก้นจึงติดตรงทางลอด หมาใหญ่วิ่งมาทัน จึงกัด.. ไม่เอาซิพ่อ หลุดเข้าไปก่อน อีกแล้วเสียพล็อทเรื่องหมดแบบนี้ หมาใหญ่วิ่งมาอย่างเร็วหยุดไม่ทันจึงชนก้นเจ้าสะกิ๊ปโครม จนหลุดกระเด็นเข้าไปข้างใน เท่านั้นแหละเธอลุกขึ้นนั่งหัวเราะชอบใจจนตัวโยน ไม่น่าเชื่อว่า ความสุขของเด็กหาได้จากมุมเล็กๆ แบบผู้ใหญ่คิดไม่ถึง

ผมเล่าเรื่องต่ออีกนิดหน่อย หันไปดูอีกทีเห็นเธอหลับไปพร้อมรอยยิ้มน้อยบนใบหน้าป้อมๆ นั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น