บทความที่ได้รับความนิยม

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กฏแห่งกรรม : หลักเกณฑ์ธรรมดา

กฏแห่งกรรม : หลักเกณฑ์ธรรมดา
โสภณ  เปียสนิท
...................................

เรื่องราวเก่าๆ เป็นรากฐานชีวิตของทุกคน ไม่ว่า ราก ของชีวิตของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร สักวันเราทุกคนคงต้องรำลึกถึงเรื่องเก่าเหล่านั้นด้วยอารมณ์ที่แปลกแยกแตกต่าง บางเรื่องราวอาจทำให้เราน้ำตาคลอด้วยความโศกเศร้ารันทด ทุกคราวที่หวนคิดถึง บางเรื่องราวอาจทำให้เราเผลอยิ้มอยู่คนเดียวเงียบ ๆ บางเรื่องเราอยากอยากรำลึกถึง บางเรื่องกลับย้อนรำลึกถึงทั้งที่ไม่ต้องการ เพราะเรื่องเก่าๆ เหล่านั้นคือ สิ่งที่บ่งบอกความเป็น เรา ในวันนี้ได้อย่างชัดเจน

                เรา ในวันนี้คือผลสืบเนื่องมาจากวันวาน สองวันก่อน อาทิตย์ที่แล้ว เดือนที่แล้ว ปีที่แล้ว สองสามปีที่แล้ว สิบปีที่แล้ว ยี่สิบ สามสิบปีที่แล้ว สี่สิบหรือห้าสิบปีที่แล้ว ใช่ไหมครับ...หลับตาลงแล้วค่อย ๆ ย้อนดูซิครับ ชัดเจนนะ ผมว่า เราวันนี้เป็นผลมาจาก เราเมื่อหลาย ๆ ปีก่อน (เขียนเหมือนหลอกคนแก่) เราวันนี้มีนิสัยใจคออย่างไร มองย้อนกลับไปจะได้พบ การกระทำ สิ่งที่เราชอบทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนถึงวันนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นเราไปแล้ว

                ไม่แปลกใจที่วันนี้ตัวผมเองเป็นครูอาจารย์ที่สอนหนังสือแปลกแตกต่างจากอาจารย์ท่านอื่น ๆ ที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาจิตใจด้วยหลักธรรม ควบคู่กับการสอนสรรพวิชาต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาจเกิดคำถามว่าให้ความสำคัญการสอนวิชาการหรือหลักธรรมมากกว่ากัน ผมตอบโดยไม่ลังเลว่าเห็นความสำคัญของ หลักธรรม มากกว่าวิชาการ

                เหตุผลก็อยู่ตรงที่ว่า ผมมีโอกาสบวชเณรตั้งแต่อายุยังน้อย ถูกฝึกด้วยระเบียบวินัยของวัดให้รู้จักการท่องหนังสือ ทำวัตรสวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิ ศึกษาตำรับตำราที่เกี่ยวข้องกับศีลธรรมที่เป็นเชิงปริยัติหรือทฤษฏี ย้อนสำรวจเส้นทางของชีวิตพบว่า ผมชอบอ่านกฏแห่งกรรมของคุณ ท. เลียงพิบูลย์ มากเป็นพิเศษ เผลอไม่นานผมอ่านยกชุด อย่างน้อยก็หมดชุด เท่าที่มีอยู่ในห้องสมุด หนังสือชุดนี้น่าจะมีส่วนโน้มน้อมความรู้สึกนึกคิดของผมได้มากกว่าร้อยละห้าสิบ

                มิได้หมายความว่าคนที่บวชเรียนตั้งแต่เล็กแต่น้อยอย่างผมจะมีใจโน้มน้อยไปทางเดียวกับผมทั้งหมดนะครับ ยังมีเพื่อนร่วมทางเดินอีกหลายคนที่ผ่านการอบรมฝึกฝนมาด้วยกันแต่ยังก้าวเดินมาตามเส้นทางสายนี้ได้น้อยกว่าผม และก็มิได้อีกเช่นกันว่าเขาเหล่านั้นจะไม่มีโอกาสได้หันเข้าหาหลักธรรม และเร่งรีบเดินทางอย่างหามรุ่งหามค่ำ ถึงยามนั้นเขาเหล่านั้นอาจแซงหน้าผมไปได้ไกลกว่าอย่างไม่เห็นฝุ่นก็เป็นได้

                หลักของพุทธเป็นหลัก ธรรมดา ที่ง่ายต่อการเข้าใจหากเราเข้าใจหลักกรรม หรือ หลักของการกระทำ ทำด้วยกาย วาจา และใจ ทุกอย่างจะค่อย ๆ เกิดการสั่งสมไว้ในความคิดของเราอย่างต่อเนื่อง ทั้งหลับและตื่น ไม่เคยหยุดนิ่งเลย เหมือนดังคำที่ปราชญ์บางคนกล่าวไว้ว่า ทุกอย่างที่ทำ ทุกคำที่พูด ทุกสิ่งที่คิด ถูกบันทึกไว้ด้วยวีดีโอใจของเรา

            ก็สิ่งที่เราคิดพูดทำอยู่นั่นล่ะที่จะพอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ ที่ละน้อยและกลายเป็นความเคยชิน คราวนี้ความเคยชินอันนี้แหละครับจะเป็นตัวชี้ทิศทางว่าชีวิตของเราจะก้าวไปทางไหน

                สมหมายชอบอ่านหนังสือ เช้าอ่านหนังสือ บ่ายอ่านหนังสือ เย็นอ่านหนังสือ แต่ละวันแต่ละคืนที่ผ่านไปก็ยุ่งเหยิงพัวพันอยู่กับการอ่านหนังสือ ยิ่งนานวันเข้าหนังสือก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของสมหมาย วันไหนไม่ได้อ่านหนังสือก็จะรู้สึกกระวนกระวายใจคอหงุดหงิด นานเข้า แม้ไปไหนก็ต้องมีหนังสือติดมือไปด้วย อ่านไม่อ่านไม่รู้แต่ต้องถือหนังสือไปด้วย เกรงว่าหากมีเวลาว่างแม้นิดหน่อยก็ตาม จะไม่มีหนังสือให้อ่าน บางครั้งไม่มีเวลาว่าง วันทั้งวันได้แต่ถือหนังสือไปมาอยู่อย่างนั้นจนเคยชิน

                สายสมร ชอบรับประทานอาหาร เช้ารับประทาน บ่ายรับประทาน เย็นรับประทาน ว่างก็เสริมระหว่างมือตามแต่ ใจจะอยากและปากจะต้องการ วันเวลาที่ผ่านไปก็จะสาละวนอยู่กับการรับประทาน ไปไหนก็จะต้องถืออาหารติดมือไปด้วยเสมอ นั่งอยู่ก็ตาม ยืนก็ตาม นอนก็ตาม เดินก็ตามต้องมีอาหารติดมือไปให้หยิบใส่ปากได้ไม่ขาดแคลน

                ศรสถิตย์ ชอบทำอาหาร เช้าทำอาหาร บ่ายทำอาหาร เย็นทำอาหาร มีงานที่ไหนต้องไปช่วยทำอาหาร เขาไม่เชิญก็ยังไปขอเขาทำ ขอไปช่วยทำอาหาร แต่ละวันก็จะผ่านไปด้วยการได้ฝึกได้ทำอาหารร้อยแปดพันเก้าชนิด เดินเข้าร้านอาหาร ต้องเข้าไปดูอาหารแต่ละชนิด เมื่อรับประทานอาหารก็ต้องหมกมุ่นครุ่นคิดถึงรสชาติของอาหารว่าจะประกอบด้วยอะไรบ้าง อะไรมาก อะไรน้อย รสไหนจะดีกว่ารสไหน ต้องเติมรสเปรี้ยวนิด รสหวานหน่อย

                คุณยายจิตสมาน ชอบตักบาตรทุกเช้า (คงไม่ต้องต่อด้วยคำว่า บ่ายตักบาตร เย็นตักบาตรนะครับ) เหตุที่ชอบก็เพราะใส่บาตรกับคุณแม่ของยายมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ถามคุณยายว่าตักบาตรมาตั้งแต่อายุเท่าใด ยายเองก็ตอบไม่ได้ว่าตักบาตรมาตั้งแต่เมื่อใด จำความได้ก็รู้ว่าช่วยแม่ของยายตักบาตรแล้ว หลังจากแม่ของยายสิ้นชีวิตแล้ว ก็สืบทอดเจตนารมณ์ต่อมามิได้ขาด วันไหนป่วยก็มอบหมายให้ลูกหลานตักบาตรแทน วันไหนฝนตกพระไม่มาบิณฑบาต (ห้ามใส่ ร เรือตรงนี้นะครับ) ก็ต้องให้ลูกหลานนำอาหารไปส่งที่วัดจนได้ กล่าวได้ว่าต้องตักบาตรทุกวัน

                คุณวันเสถียร ชอบเรียนหนังสือมาตั้งแต่เด็ก ป่วยไข้ไม่สบายก็ต้องไปโรงเรียน วันไหนไม่ได้ไปโรงเรียน (ยกเว้นวันหยุด) เป็นต้องร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ให้แม่พาไปจนได้ เรียนไม่ไหวก็ขอให้ได้ดูเพื่อน ดูครู ดูโรงเรียนก็ยังดี เรียนปฐมแล้วก็อยากเรียนมัธยม ปริญญาตรี โท เอก ต่อเนื่องกันเรื่อยไปไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จบเอกแล้วก็ยังอยากเรียนปริญญาเอก โน่น นี่อยู่อย่างต่อเนื่อง

                คุณเวียนสถาน ชอบฝึกสติวันละสิบนาที โดยการนั่งนิ่ง ๆ หลับตา พร่ำบ่นแต่คำว่า สัมมาอรหัง ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในใจ ระหว่างที่พร่ำบ่นอยู่นั้นก็นึกดวงแก้วกลมใสดวงหนึ่งอยู่กลางท้อง จนกว่าจะครบสิบนาทีแล้วจึงเลิกทุกวันมิได้ขาดเลยเป็นเวลายาวนานหลายสิบปี

                คุณฝันสะเทือน ชอบจิบเหล้ามาตั้งแต่เพิ่งจะเริ่มแตกพาน เพราะพ่อใช้ให้ไปซื้อเหล้าจากร้านข้างบ้านจึงแอบจิบ ๆ นานเข้าก็กลายเป็นดื่ม แรก ๆ ดื่มเฉพาะเทศกาล นานเข้าก็ดื่มทุกเย็น ทุกเย็นและเพิ่มวันหยุดทั้งวัน ไปที่ไหนก็ต้องมีเหล้า งานไหนไม่มีเหล้าก็กลายเป็นงานกร่อย ทุกวันนี้เช้าดื่มเหล้า บ่ายดื่มเหล้า เย็นดื่มเหล้า และกลางคืนก็ดื่มเหล้า

                บุคคลที่กล่าวถึงข้างบนนั้นแม้จะเป็นชื่อที่ผมตั้งขึ้นเองเล่น ๆ แต่แต่ละคนเหมือนผมและคุณผู้อ่านจะเคยพบเห็นได้ในชีวิตจริงได้โดยสม่ำเสมอ ช่วยกันคิดต่อสักนิดหนึ่งนะครับว่า แต่ละคนนั้นจะมีชีวิตในบั้นปลายอย่างไร สมหมายต้องเป็นคนที่มีความรู้มากมายเหมือนตู้หนังสือเคลื่อนที่ จะพูดจะคุยเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างรู้แจ้งเห็นจริง

               สายสมร ต้องเป็นคนอ้วนกลมเป็นตุ่มแน่  ศรสถิตย์ ต้องเป็นแม่ครัวที่เก่งอาจ ยายจิตสมาน ต้องมีฐานะมั่นคงมีทรัพย์สินพอจับจ่ายไม่ฝืดเคืองตลอดชีวิต วันเสถียรจะเป็นนักวิชาการใหญ่ใฝ่ศึกษาไม่รู้จบ เวียนสถานจะมีจิตใจสงบเย็น มีความสุขมีความคิดถูกต้อง มีความจำดี ฝันสะเทือน ต้องกลายเป็นคนติดเหล้าและสุขภาพทรุดโทรมอย่างรวดเร็วและอายุไม่ยืน

                คุณผู้อ่านต้องการจะพาชีวิตคุณไปสู่จุดไหน มิได้หมายถึงว่า หากใครใช้ชีวิตอย่างใดแล้วจำเป็นจะต้องเป็นอยู่อย่างนั้นตลอดกาล ทุกคนอาจเปลี่ยนเส้นทางใหม่ได้ เมื่อใดก็ได้ เพียงแต่ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้น เปลี่ยนไปในทางบวกนั้นทำได้ยาก หรือเปลี่ยนไปในทางลบ ที่ทำได้ง่าย การกระทำในวันนี้จะบ่งชี้ชีวิตในวันหน้าของคุณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น