บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

สำนักสงฆ์เขาหินเทินหัวหิน-2

สำนักสงฆ์เขาหินเทิน-2
โสภณ เปียสนิท
..................................


 ผมรู้จักสำนักสงฆ์แห่งนี้ ครั้งแรกเมื่อราวหนึ่งปีมาแล้ว เนื่องจากทุกยามเย็น
หลังเลิกงานผมทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวด้วยการเล่นกีฬา กีฬาที่เรียบง่าย
ที่สุดคือการวิ่งช้า ๆ และผมรู้สึกชอบด้วยความคุ้นเคย สถานที่วิ่ง 
ถ้าไม่วิ่งไปทางด้านเขาช่องประดู่ มุ่งหน้าสู่อำเภอใหม่ 
(อย่าคิดว่าผมจะวิ่งจนถึงอำเภอนะครับ) ก็เดินขึ้นเขาหินเหล็กไฟ
ตามนโยบายท่านนายกจิระ หรือไม่ก็วิ่งไปทาง “ลานเครื่องร่อน”
 เส้นทางสายที่มียวดยานพาหนะไม่มากมายจนเกินไปนัก


วันหนึ่งผมเห็นว่ามีเส้นทางขึ้นไปบนเขาด้านตรงข้ามกับสระน้ำสาธารณะ
จึงทดลองเดินขึ้นไปดู พบว่ามีกุฏิพระ และศาลาหลังเล็ก ๆ สองสามหลัง 
ยืนมองจากบนศาลาหลังเล็กของวัดหันหน้าเข้าสู่เมืองหัวหิน 
ภาพพาโนราม่ามุมกว้างของเมืองปรากฏแก่สายตา ดูสวยงามเงียบงัน 
สายลมเย็นโชยพริ้วกระดิกใบไผ่โลมไล้ก่อหญ้า หมู่บ้านหนองแกหลังเล็ก ๆ 
ซุกซ่อนตามพุ่มพงดงไม้ สะพานข้ามทางรถไฟ มีแสงไฟสีส้มเริ่มสาดส่อง
แข่งกับแสงลำสุดท้ายจากดวงอาทิตย์ แท่งคอนโดเสียดแทงยอดค้ำฟ้า 
ตึกโรงแรมริมหาดหัวหินเรียงรายแต่งแต้มทัศนียภาพท้องฟ้าและ
น้ำทะเลสีคราม ผมมองหาจุดตัดระหว่างน้ำและฟ้าไม่พบ




บังเอิญได้พบหลวงพ่อเจ้าอาวาสที่กำลังดูญาติโยมสองสามคนกำลังเทปูน
พื้นศาลาต้อนรับแขก จึงได้สนทนาธรรมกับท่านอยู่นานพอสมควร 
เมื่อความมืดคีบคลานปกคลุมม่านฟ้าและทัศนียภาพหัวหินลงทีละน้อย ยุ่งตัวเล็ก ๆ 
บินว่อนต้อนรับผู้มาเยือนด้วยความยินดี ผมกราบนมัสการลาหลวงพ่อเดินบ้าง
วิ่งบ้างลงเขามาอย่างเร่งร้อน เนื่องจากปล่อยครอบครัวเดินเล่นอยู่ด้านล่าง


เมื่อสนทนาธรรมกับพระ ผมมักไม่เอ่ยเรื่องอื่น ๆ มากนัก เรื่องที่สนทนา
มักเป็นเรื่องของการปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นแนวทางแห่งการพัฒนาชีวิตให้ดียิ่งขึ้น 
ในโลกของผู้คนที่มากหน้าหลายตา ต่างจิตต่างใจ และความต่างจิตต่างใจนี่เอง
ที่นำพาความยุ่งยากมาสู่ใจได้ไม่สิ้นสุด บางคราวถึงกับขัดแย้งไม่อยากอยู่ร่วมโลก


ทราบว่าที่วัดแห่งนี้มีพระสงฆ์รวมกันจำพรรษาสี่ห้ารูป กุฏิหลังเล็ก ๆ 
แทรกพุ่มไม้อยู่ค่อนข้างห่างไกลกันพอควร เหมาะสำหรับสงฆ์ผู้มุ่งมั่น 
เน้นการปฏิบัติเพื่อทิ้งสภาวะแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ต้นไม้ใหญ่ที่เห็นส่วนมาก 
เป็นพันธุ์ไม้เนื้ออ่อน พันธุ์ไม้เนื้อแข็งที่เห็นอยู่มีเพียงต้นเล็ก ๆ มีอายุเท่า ๆ 
กับการก่อตั้งวัด ไก่ป่ามากมายวิ่งวุ่นคุ้ยเขี่ยหาอาหารอยู่ที่ชายป่าใกล้ ๆ


หลวงพ่อเล่าว่าท่านเป็นชาวบ้านหนองแกโดยกำเนิด บวชแล้วดั้นด้น
ไปเรียนธรรมกับครูบาอาจารย์หลายท่าน รวมทั้งหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง 
อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี กลับมาจำพรรษาอยู่ในวัดเล็ก ๆ 
ตามป่าตามเขาของหัวหิน แล้วจึงได้รับนิมนต์ให้มาจำพรรษาที่วัดเขาหินเทินแห่งนี้ 
ผมฟังท่านเล่าประสบการณ์แห่งการปฏิบัติธรรมอย่างสนใจ เนื่องจากไม่ค่อยได้
ฟังใครเล่าผลแห่งการปฏิบัติบ่อยครั้งนัก

ยิ่งนานยิ่งมีความเชื่ออันมั่นคงว่า ชีวิตของคนต้องพัฒนาด้วยการฝึกตน 
การฝึกตนในที่นี้คือการฝึกจิต ควบคุมจิตได้คือการควบคุมตนเองได้ ทำได้เท่านี้ถือว่า “ชัยชนะที่ประเสริฐ” การควบคุมจิตได้นี่เองที่เป็นสิ่งซึ่งทำให้คนแตกต่างจากสัตว์อื่น 
เรียกว่าวัดกันได้ตามอัตราร้อยละก็ได้ ควบคุมจิตให้ทำความดีได้มาก ความไม่ดี
ก็เหลือน้อย ควบคุมจิตได้น้อยความไม่ดีก็มีมาก ความไม่ดีมีมาก ความเป็นคน
ก็เหลือน้อย
 

หลวงพ่อเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟังอีกมากมาย ผมจำในรายละเอียดได้
ไม่มากนัก แต่พอสรุปได้คร่าว ๆ ว่า การพัฒนาคนนั้นต้องพัฒนาที่จิต หากจิต
ไม่สงบเพราะราคะ โทสะ และโมหะ เข้าครอบครอง จิตดวงนั้นไม่พร้อมสำหรับ
การงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน หรือการทำงานในชีวิตประจำวัน 
ในทางตรงกันข้ามหากใครควบคุมจิตให้มีคุณธรรมเกิดมากขึ้น ดวงใจก็จะพร้อม
สำหรับการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาเล่าเรียนและด้านอื่น ๆ


ผมขอตัวกลับในเย็นวันนั้นด้วยความเสียดาย หลักการของหลวงพ่อ
ช่างเหมาะกับการนำมาสอนนักศึกษาในความรับผิดชอบของผมเสียจริง 
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีในหลักสูตร และไม่ค่อยจะมีคนต้องการ

 

สำนักสงฆ์เขาหินเทินหัวหิน

บทความเกี่ยวกับสำนักสงฆ์เขาหินเทิน  



สำนักสงฆ์เขาหินเทินหัวหิน

โสภณ เปียสนิท

..................................









ฟ้ายังคงสลัวมายาวนานหลายวัน แม้จะมีฝนตกไม่มากที่ซุ้มประตูแห่งภาคใต้ 
เมืองหัวหินบ้านเรา แต่ฟ้าดูหม่นหมองเหมือนหนึ่งร่ำไห้สำหรับบางสิ่งบางอย่าง 
ขณะเดียวกัน เพื่อนมนุษย์ร่วมประเทศทางเมืองเหนือกำลังทุกข์ทนกับภาวะน้ำ
ท่วมอย่างหนัก หรือว่า น้ำตาฟ้าเป็นเรื่องบอกเล่าถึงความทุกข์ยากของ
ใครบางคนมาถึงเรา




เช้าวันเสาร์ที่12 กันยายน 2546 ที่ผมกำลังเขียนต้นฉบับอยู่นี่ ผมเดินทาง
ไปทำบุญที่ “วัดเขาหินเทิน” กับครอบครัว เนื่องจากเห็นว่าชีวิตของคนสั้นนัก 
ไม่ถึงร้อยปีก็ล่วงลับทุกคน ห้าวันกับการทำงานรู้สึกว่าเพียงพอสำหรับการดำรงชีพ 
แม้เงินที่ได้รับจะไม่มากนัก แต่เพียงพอสำหรับหล่อเลี้ยงครอบครัวเล็ก ๆ พ่อแม่ลูก 
สามคน และรู้จักประหยัด ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมตามโลกที่นับวัน
ยิ่งก้าวตามวัตถุนิยมมากขึ้นทุกที หนึ่งสัปดาห์จึงควรมีสักหนึ่งวันสำหรับการทำบุญ










ใช่ ผมยอมรับว่า คำว่า “บุญกุศล” ห่างไกลความรู้สึกของผู้คนธรรมดาสามัญเรา ๆ 
ท่าน ๆ ไปทุกที ผมไม่ได้ทำการวิจัยในเรื่องนี้โดยตรง แต่ผมใช้การสอบถามเพื่อนพ้อง 
ถามนักเรียนนักศึกษาที่ผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น 
จึงพอสรุปได้ดังที่เขียนข้างต้น




ลำดับขั้นตอนชีวิตของคนในสังคมปัจจุบันนี้จึงพอสรุปได้ 2 ขั้นตอน คือ
 เมื่อเล็กศึกษา เติบโตมามีครอบครัว และ ทำงานหาเงินเลี้ยงชีพ 
จนกว่าจะถึงวันวายชนม์ เทียบกับตำราของพราหมณ์ ที่มีลำดับขั้นของชีวิตอยู่ 
4 ขั้นด้วยกัน คือ พรหมจารี ศึกษาหาความรู้ คฤหัสถ์ ครองเรือน วานปรัสถ์ 
เริ่มศึกษาธรรม สันยาสี ออกบวชปฏิบัติธรรมหล่อเลี้ยงจิตเตรียมการไปสู่ปรภพ










ขั้นตอนของชีวิตเราจึงดูว่า “ขาด” บางสิ่งไปอย่างน่าวิเคราะห์ หรือว่าชีวิตคน
มีเพียงแค่ “เรียนและทำงานหาเงิน ใช้จ่ายเงิน” และจากโลกนี้ไปเงียบ ๆ 
ถ้าเป็นดังนี้ผมขอถามเพื่อเพิ่มพูนความคิดด้วยคำถามว่า “แล้วเรามีอะไรที่ทำให้
ต่างจากสัตว์ชนิดอื่น ๆ บนโลกใบนี้” หรือว่าเราไม่ต่างไปจากสัตว์อื่น ๆ 
ก็ไหนใครบางคนว่า “มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ” หากไม่ต่างจากสัตว์อื่น
แล้วจะประเสริฐกว่าสัตว์อื่นอย่างใด




ในมุมมองของผม คำว่า มนุษย์ ที่เกิดจากคำสันสกฤตสองคำ มน 
ที่แปลว่าใจ กับคำว่า อุษยะ ที่แปลว่าสูง รวมสองคำแล้วแปลว่า “ผู้มีใจสูง” 
นี่ไงหลักฐานว่าเราเหนือกว่าสัตว์อื่น แต่ถ้าจะสูงกว่าสัตว์อื่นควรสูงกว่า
ด้วยเหตุผลอื่น ๆ นะครับไม่ควรจะมีแค่ชื่อ หรือคุณผู้อ่านว่าไม่จริง



ผมพยายามดิ้นรนพาตนเองให้พ้นจาก “ชีวิตในวังวน” เหมือนเดิม ๆ 
ดังที่ฝูงชนในสังคมเลียนแบบกันเป็นอยู่ในปัจจุบัน ด้วยการไปวัดทำบุญ
 และทำกุศลด้วยการสนทนากับพระ




วัดเขาหินเทิน หรืออาจเป็นแค่สำนักสงฆ์เล็ก ๆ ตั้งอยู่บนเขาหลังบ้านพัก
ราชมงคล เขต 3 ที่ผมอยู่อาศัยไม่ไกลนัก จากบ้านพักเดินทางถึงวัดใช้เวลา
เพียงแค่สิบนาที ผ่านถนนเปล่าเปลี่ยวไร้ยวดยานพาหนะใด ๆ ให้เห็น 
ผ่านหมู่บ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง บ้านของชาวบ้านที่ดำรงชีวิต
ด้วยการให้เช่าม้าริมชายหาดหัวหิน บ้านพักหลังที่สองของข้าราชการ
ครูคนหนึ่งที่คุ้นเคย ชายสนามหญ้าที่นักเล่นเครื่องร่อนมักมาชุมนุมอวดสายตา
ผู้ชมกันคับคั่งทุกยามย่ำเย็น เช้าวันนี้ว่างเปล่า นกกระปูดสีแดงสองตัว
บินผ่านหน้าเข้าซุ้มผกากรอง นกเล็ก ๆ หลายตัววิ่งหากินดอกหญ้าริมทาง 
กลุ่มนกพิราบแตกฮือบินหนีเมื่อรถเราเข้าใกล้ เสียงนกบางชนิดร้องแข่ง
เสียงเครื่องยนตร์ของเราจากพุ่มต้นโพธิ์ใหญ่ริมทาง น้องกาญจน์ตื่นเต้น
กับการได้เห็นธรรมชาติยามเช้าค่อนข้างมาก