บทความที่ได้รับความนิยม

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

หน้าร้อน

หน้าร้อน
โสภณ  เปียสนิท
…………………………….

                บ่ายวันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ ผมได้รับโทรศัพท์ภายในจากนักศึกษาสาวคนหนึ่ง เธอแจ้งความประสงค์ว่าต้องการจะมาท่องสวดมนต์ให้ผมฟัง แล้วถามผมว่าพอจะมีเวลาว่างไหม ผมรีบตอบว่าว่างโดยทันที เนื่องจากเจตนาดีของนักศึกษาที่จะมาสวดมนต์เป็นสิ่งมีค่าและจักเป็นประโยชน์อย่างมากแก่ตัวนักศึกษาเอง อย่าเพิ่งนึกว่าผมเป็นอาจารย์วิชาทางด้านศีลธรรมนะครับ ผมสอนวิชาภาษาอังกฤษ แต่ผมให้คะแนนพฤติกรรมในสองส่วน คือ ส่วนที่หนึ่ง ห้าคะแนนให้สำหรับผู้ที่ท่องสวดมนต์ ชินบัญชรได้ ส่วนที่สองอีกห้าคะแนนมีไว้สำหรับประเมินการมาเรียน และความประพฤติด้านอื่น ๆ รวมกัน

                เรื่องการให้คะแนนพฤติกรรมด้วยการสวดมนต์ถึงห้าคะแนนนี้ เป็นข้อถกเถียงในหมู่คณะอาจารย์พอสมควร เกือบทุกคนว่าไม่เหมาะสม และแถมด้วยการเสียดสีทั้งต่อหน้าและลับหลังอีกหลายราย ผมเถียงบ้าง เฉยบ้างตามแต่โอกาสอันควร แต่ใจไม่เคยยินยอมตามความเห็นของผู้ผ่านการศึกษาในระบบปัจจุบัน เพราะผมรู้ว่า ระบบการศึกษาแบบปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นระดับใด ไม่ได้เน้นเรื่องคุณธรรม อาจกล่าวได้ว่าไม่มีมาตรฐานทางด้านคุณธรรมอยู่เลย ฉะนั้นเสียงโต้แย้งเรื่องให้นักศึกษาสวดมนต์ จึงไม่มีน้ำหนักในใจของผมอย่างสิ้นเชิง เพราะท่านอาจารย์เหล่านั้นก็ผ่านมาจากระบบการศึกษาแบบนี้ จึงได้ดูหมิ่นคุณธรรมเช่นนี้ ไม่รับรู้เรื่องการบูรณาการ (Integrate) ไม่รู้ว่าสิ่งใดมีค่ามาก สิ่งใดมีค่าน้อย เหมือนนิทานเรื่องไก่ได้พลอย

                คุณผู้อ่านอาจแย้งผมได้ว่า ในระบบการศึกษาปัจจุบันมีเรื่องคุณธรรมอยู่แล้ว มีการกล่าวเรื่องคุณธรรมกันมากมาย ในรัฐธรรมนูญก็มี ในพระราชบัญญัติการศึกษาก็มี ตามสถาบัน สถานศึกษาต่าง ๆ ก็มีคำขวัญที่เกี่ยวกับคุณธรรมมากมาย เช่นคำว่า ความรู้คู่คุณธรรม” “เก่งดี มีสุขแต่ในความคิดของผมเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงคำกล่าวที่เลื่อนลอย ไม่มีมาตรฐานใด ๆ รองรับทั้งสิ้น สรุปก็คือ ทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ตามเดิม

                สำหรับผมเอง แม้ว่าจะเป็นผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ แต่ผมเชื่อว่า คุณธรรม เป็นชีวิตของนักศึกษา การสวดมนต์เป็นส่วนสำคัญในชีวิตของศิษย์ผม ดังนั้นจึงแบ่งคะแนนให้ถึงห้าคะแนน และแอบหวังลึก ๆ ว่า ห้าคะแนนที่ผมแบ่งให้นี่แหละ จะเป็นหางเสือเรือประคับประคองนาวาชีวิตของศิษย์ทุกคนไปสู่เป้าหมาย คือการมีชีวิตอย่างมีความสุขในสังคม

                หลังจากขอเวลาทำภารกิจเล็กน้อยเสร็จแล้ว ผมลงจากอาคารบ้านพักครูหมายเลขสาม มาพบนักศึกษาคนดังกล่าว นั่งรออยู่ที่โต๊ะหมู่หินอ่อนกลางลานนนทรี แสงแดดยามบ่ายจัดจ้าสอดส่องลอดช่องว่างลงสู่พื้นลานเป็นด่างดวง เธอนั่งหันหลังให้ สายตาเหม่อมองไปที่อาคารอำนวยการอยู่เงียบ ๆ สายลมหอบไอน้ำชุ่มชื้นโชยมาเป็นระยะ ลดความร้อนไปได้มาก นกกระจอกสองสามตัวคุ้ยเขี่ยหาอาหารอยู่โคนต้นนนทรีห่างออกไป นกเอี้ยงสองตัวเกาะไซ้ขนอยู่บนชั้นสี่อาคารแปด ใบนนทรีร่วงกราวทุกคราวที่ลมเย็นโบกโบยมา

                ผมทักทายเธอ พร้อมเลือกนั่งลงบนเก้าอี้หินอ่อนที่เห็นว่าร่มที่สุด เป็นอย่างไรบ้าง เตรียมมาดีแล้วหรือ?” ผมเริ่มบทสนทนาอย่างเป็นกันเอง เธอยิ้มรับ พร้อมพนมมือแสดงความรพอย่างงดงามตามธรรมเนียมอันดีของไทย ขณะที่ผมพนมมือรับไหว้ เธอตอบพร้อมรอยยิ้มด้วยความมั่นใจว่า ก็แค่พอท่องได้ค่ะ

จากการพูดคุยทำให้ผมรู้ว่า เธอเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ หลักสูตรสี่ปี มาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ครอบครัวทำอาชีพสวนยางเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนนี้เธอต้องเรียนไปด้วยทำงานนอกเวลาไปด้วย แม้ว่างานเชิญแขกเข้าร้านที่สาธุการสแควร์จะสร้างรายได้ให้เธอไม่มากนัก แต่ก็พอทุ่นค่าใช้จ่ายจากทางบ้านได้บ้าง ซึ่งทำให้เธอภูมิใจว่าได้ตอบแทนคุณพ่อแม่ ช่วยทำให้ท่านลำบากตรากตำทำงานเพื่อส่งเงินให้เธอร่ำเรียนลดน้อยลง

ภายหลังการสนทนาและการท่องบทสวดแล้วเธอขอตัวกลับที่พักเพิ่มเตรียมตัวสอบปลายภาคในวันรุ่งขึ้น ผมยังคงนั่งรับลมเย็นอยู่กลางสวนนนทรี เหม่อมองใบนนทรีแก่สีเหลืออ่อนหลุดร่วงลงจากขั้วใบทุกคราวที่ลมพัดผ่าน ชีวิตก็เป็นเช่นใบไม้เหล่านี้เหมือนกัน ใบไม้มีการเกิดคือแตกใบอ่อน เจริญเติบโตเขียวขจี ครั้นเวลาผ่านเลยถึงหน้าร้อน ก็หมายถึงเวลาแห่งการผลัดพรากกลับคืนสู่ดิน

ผมผ่านหน้าร้อนอย่างนี้มา 42 ปีแล้ว มีหลายคราวที่เป็นความทรงจำไม่รู้ลืมหน้าร้อนคราวหนึ่งในวัยเด็ก หนองน้ำตามท้องนาท้องไร่เริ่มงวด เด็ก ๆ มักชอบตามผู้ใหญ่หรือไม่ก็จับกลุ่มกันแล้วยกขบวนไปสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อจับสัตว์น้ำโดยใช้สุ่มบ้าง วิดน้ำบ้างแล้วแต่ความเหมาะสม สำหรับผมสะพายย่ามถือหนังสะติ๊กเดินตามหลังพี่ชาย ในหน้าแล้งแหล่งน้ำธรรมชาติเหลือน้อยแห่ง นกมักมารวมกันตามแหล่งน้ำ นับเป็นโอกาสของผู้ล่า ผมและพี่ชายแอบซุ่มยิ่งนกหิวน้ำอย่างสนุกโดยไม่รู้จักบาปกรรม ฝีมือยิ่งนกของพี่ชายจัดอยู่ชั้นแนวหน้า กว่าจะถึงเย็นผมเก็บนกจนเกือบเต็มย่าม

อีกหน้าแล้งที่วัดถ้ำเขาปูน ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นเขาล้อมรอบคล้ายกระทะ ภาพแห่งความแห้งแล้งประทับอยู่ในความทรงจำแจ่มชัด บนภูเขามีกอรวกปกคลุมเป็นส่วนมาก ครั้นถึงหน้าแล้งน้ำจากฟ้าหมดไปใบกอรวกกลายเป็นเหลือง และสีน้ำตาลโพลนไปทั้งภู มองดูแล้วให้ความรู้สึกโศกเศร้ารุนแรงเหมือนคนสิ้นหวัง มองจากเบื้องล่างห่างไกลเห็นหย่อมเขียว ๆ อยู่บ้างห่าง ๆ นั่นคือต้นไม้ใหญ่เช่นต้นโพธิ์ต้นไทร ที่หยั่งรากลึกและไกลหากินเก่ง หากผมไม่ได้อยู่ในถ้ำก็มักหลบพักร้อนใต้ร่มไม้ใหญ่เหล่านั้น

หน้าแล้งเมื่อครั้งที่ยังเป็นเณรอยู่ที่วัดท่ามะขามจังหวัดกาญจนบุรี ผมหลบร้อนลงไปนอนผักผ่อนอยู่ใต้ก่อไผ่ ดูใบไผ่ทยอยร่วงหล่นลงบนพื้นทรายบ้าง ลงน้ำแควใหญ่ไหลไปบ้าง ก่อไผ่ ใบไผ่ หาดทราย สายลม ลำน้ำแควใหญ่ และกฏแห่งการเปลี่ยนแปลงยังแจ่มกระจ่างในความทรงจำถึงบัดนี้

หน้าแล้งที่มหาวิทยาลัยเมืองปูเณ่ ประเทศอินเดีย รัฐมหาราษฏร์ ก็ยังอยู่ในความทรงจำ เมืองปูเณ่อยู่บนที่ราบสูง ห่างจากเมืองบอมเบย์อันเลื่องชื่อประมาณ 300 กิโลเมตร ก่อนถึงตัวเมืองจำได้ว่ารถวิ่งผ่านแผ่นดินแห้งแล้งกว้างใหญ่ไพศาล เข้าถึงตัวเมืองจึงได้เห็นต้นไม้อยู่บ้างประปราย แต่ภูเขาเกือบทั้งสิ้นเป็นภูเขาหัวโล้น มองเห็นแต่หินสีดำและหญ้าสีน้ำตาลแดงเถือกไปทั้งแถบ มองทางไหนก็มีแต่พยับแดดเต้นเร่าเหมือนรูปร่างแห่งปีศาจร้าย บริเวณมหาวิทยาลัยซึ่งมีต้นไม้ใหญ่อายุนับร้อยปีจำนวนมาก แต่เมื่อถึงหน้าแล้งต้นไม้พลัดใบทิ้งเพื่อลดการคายน้ำจากลำต้น เพื่อรักษาชีวิตของตนเอง ป่าทั้งป่าจึงเกลี้ยงโกร๋น

นักศึกษาจำนวนมากหลบอาศัยอยู่ในห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบ ยามปกติห้องสมุดมักว่าง ดูวังเวงเพราะความเก่าแก่ แต่ยามใกล้สอบในทุก ๆ หน้าแล้ง ห้องสมุดจะกลายเป็นแหล่งรวมที่คึกคัก ถึงขั้นต้องแย่งกันเพื่อจับจองเป็นเจ้าของที่นั่ง ใครมาช้ามักไม่มีที่นั่ง เพื่อนนักศึกษาแขกมักใช้วิธีให้พวกที่อยู่ใกล้ห้องสมุดเข้ามาในห้อง แล้วนำเอาสมุดเล่มเล็ก ๆ ใช้แล้วบ้างไม่ใช้บ้างไปวางไว้บนโต๊ะเก้าอี้เพื่อจองไว้ก่อน นักศึกษาก็ต้องทำบ้าง ยิ่งใกล้สอบมากเท่าใดการแข่งขันก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น วันหนึ่งผมไปถึงห้องสมุดสายไปหน่อย แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือเดินหาที่นั่งเผื่อว่าจะมีหลง ๆ อยู่สักที่ เป็นไปตามคาด นับเป็นบุญของผม เหลือที่นั่งว่างอยู่หนึ่งที่ด้านซ้ายและขวามีแขกนั่งอยู่ ผมรีบจับจองทันทีด้วยความดีใจยิ่ง นั่งได้สักครู่กลิ่นประหลาด ๆ ลอยกระทบจมูกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ผมกลัวเสียมารยาทแอบหันมองเพื่อนแขกข้าง ๆ ทั้งสองอยู่ในสภาพเรียบร้อยเหมือนแขกทั่วไป แต่กลิ่นรุนแรงยิ่งกว่า ผมนั่งปลอบใจตัวเองให้อดทน สิบนาทีความอดทนผมขาดผึ๋งผมค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างมีมารยาท เก็บหนังสือตำรับตำราอย่างช้า ๆ และสละที่นั่งอย่างเสียดาย เพราะผมรู้ดีว่าหากยังขืนนั่งอยู่อีกไม่นาน ผมคงต้องเลือกระหว่างอ้วกแตกในที่สาธารณะ หรือจะเป็นลมในห้องสมุดแน่ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น