ทอดกฐินเป็นกาลทาน จำกัดเฉพาะหลังออกพรรษาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ใครรับเป็นเจ้าภาพแล้วควรเร่งดำเนินการให้สอดคล้องกับพุทธานุญาต
"เจ้าภาพหลักฐกฐินปี2554 ติดน้ำท่วมใน กทม. มาไม่ได้"
งานทอดกฐินสามัคคี ณ สำนักสงฆ์เขาหินเทิน (5พฤศจิกายน 2554) มีเจ้าภาพหลัก และเจ้าภาพหลายรายติดขัดปัญหา "น้ำท่วม" ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ เจ้าภาพกลุ่มหนึ่งเดินทางมาจากกรุงเทพฯได้ แต่บอกว่า ออกทางถนนพระราม2 ส่วนถนนเพชรเกษม จมน้ำแล้ว
8.00 น. ถวายภัตตาหารภิกษุสามเณรราว 20 รูป/องค์ บรรดาญาติโยมรับประทานอาหารที่ศาลาหลังล่าง และดำเนินการจัดเก็บล้างถ้วยชามจานช้อน ทำความสะอาดพื้นศาลา
10.00 น. เริ่มพิธีกรรมทอดกฐิน ทุกคนพร้อมบนศาลาหลังบน
- เริ่มพิธีไหว้พระบูชาพระ
- อาราะนาศีลรับศีล
- กล่าวคำปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ
- กล่าวคำถวาย
- คณะสงฆ์ทำพิธี
- รับพรจากคณะสงฆ์
- แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล
ช่วยเก็บงานดูความเรียบร้อย ก่อนเดินทางกลับบ้าน ญาติธรรมหนึ่ีงรายชวนเข้าร่วมงานทอดกฐิน "สำนักสงฆ์เย็นสุดใจ" ในวันอาทิตย์ที่6 พฤศจิกายน 2554 เวลา 9.00 น.
ประวัติของกฐินนั้นมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่งภิกษุชาวเมืองปาฐา ประมาณ ๓๐ รูป มีความประสงค์จะไปเฝ้าพระพุทะเจ้า ณ เมืองสาวัตถี จึงพากันเดินทางจากเมืองปาฐาไปสาวัตถี แต่พอไปถึงเมืองสาเกต ซึ่งอยู่ในระยะทางอีก ๖ โยชน์จะถึงสาวัตถี ก็เผอิญถึงวันเข้าพรรษาภิกษุเหล่านั้นจะเดินทางต่อไปไม่ได้ จึงจำพรรษาอยู่ในเมืองสาเกต ในระหว่างจำพรรษามีความร้อนรนอยากเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยเร็ว พอออกพรรษาก็ออกเดินทางจากเมืองสาเกต ในเวลานั้นฝนยังตกมากอยู่ ทางเดินก็เป็นโคลนตมเปรอะเปื้อน เมื่อมาถึงเมืองสาวัตถีได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงทราบความลำบากของพระภิกษุเหล่านั้น จึงทรงอนุญาตให้พระภิกษุทำพิธีกรานกฐิน ในระยะเวลาภายหลังวันออกพรรษาแล้วไป ๑ เดือน ภิกษุที่ได้ทำพิธีกรานกฐินแล้ว ย่อมได้รับอานิสงส์ คือความยกเว้นในการผิดวินัย ๕ ประการ เป็นเวลา ๔ เดือน (หมดเขตในวันเพ็ญเดือนสี่) อานิสงส์หรือความยกเว้นทั้ง ๕ ประการนั้น คือ
๑. เข้าบ้านได้โดยไม่ต้องลาภิกษุด้วยกัน
๒. เดินทางโดยไม่ต้องเอาไตรจีวรไปด้วย
๓. ฉันอาหารโดยล้อมวงกันได้
๔. เก็บอาหารที่ยังไม่ต้องการใช้ ไว้ได้
๕. ลาภที่เกิดขึ้น ให้เป็นของภิกษุผู้จำพรรษาในวัดนั้น ซึ่งได้กรานกฐินแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น