บทความที่ได้รับความนิยม

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

พรปีใหม่ 2552


พรปีใหม่ 2552
โสภณ  เปียสนิท
....................................

                ลมหนาวแรงพัดกรรโชกอย่างต่อเนื่อง ปีนี้หนาวหนักกว่าปีก่อน บางคนว่าดี ที่ได้มีโอกาสหนาวกับเขาบ้าง บางคนถือโอกาสเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยที่มีความหนาวเย็นเป็นจุดขาย เพื่อรับรู้ความหนาวเย็นให้สูงสุดเท่าที่จะพึงหาได้ในประเทศนี้ ใช่ มันเป็นประสบการณ์ที่จะต้องเก็บไว้ในความทรงจำ

                เมื่อลมหนาวกรูเกรียว หมายถึงว่าใกล้ปีใหม่อีกครั้ง ถือเป็นเทศกาลรื่นเริงของโลก หากถามว่า เหตุใดเมื่อปีใหม่มาถึงทุกคนจึงเฉลิมฉลองยินดีปรีดา หลายคนอาจตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรมากว่า ก็เขาฉลองกันมาเป็นประเพณี เราก็ฉลองกันต่อไป ก็แค่นั้น

                คราวนี้ลองช่วยกันคิดหน่อยว่า เพราะเหตุใด เมื่อปีใหม่มาถึงจึงควรฉลอง หลายคนคิดว่า ทำงานมานานทั้งปี 365 หรือ 366 วัน ถือเอาวันนี้แหละสนุกสนานเสียหน่อยก็ดี

                บ้างก็บอกว่า การดำรงชีวิตนั้นยากลำบาก แต่เราสู้อุตส่าห์อยู่มาได้อีกหนึ่งปี นับเป็นเรื่องน่ายินดี บางคนเห็นว่า ที่ควรฉลองเพราะจักได้อยู่กับญาติพี่น้องผู้คนคุ้นเคย สังคมไทยทุกวันนี้ คนจำนวนมากแยกย้ายไปทำงานต่างถิ่นฐานบ้านเกิด ถึงวันปีใหม่จึงเป็นวันญาติพี้น้องกลับมาฉลองร่วมกัน

                คนทำงานไกลบ้านแห่เดินทางกลับบ้าน ส่วนมากทำงานในเมืองใหญ่ เดินทางกลับบ้านในชนบทของแต่ละคน หลายครอบครัวทำอาหารดื่มกินกันภายในครอบครัว บางครอบครัวพากันเดินทางรับลมหนาวในที่อันห่างไกล แหล่งท่องเที่ยวอันเป็นเป้าหมายแตกต่างกันไป ทะเล ภูเขา โฮมสเตย์ แหล่งเกษตร น้ำตก เดินไหว้พระวัดดังอันเป็นที่เคารพนับถือ...

                ประเพณีเฉลิมฉลองวันปีใหม่ จึงมีการเดินทางมาก และมีการดื่มกินมาก ทั้งสองกิจกรรมเป็นข้าศึกซึ่งกันและกัน ขับรถกับดื่มสุรา หากไม่ระมัดระวังอาจเกิดโศกนาฏกรรมได้ง่ายๆ ดังที่รับรู้กันทุกๆ ปีที่ผ่านมา

                ในช่วงของการเฉลิมฉลองของทุกปี เครื่องดองของเมาขายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เอาเป็นว่า งานฉลองเกือบทุกงานมีสุรายาเมาเป็นหลัก ของมึนเมาเหล่านั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของการฉลอง น่าคิดนะครับว่า มีงานฉลองโดยไม่มีของเมาเข้ามาเกี่ยวข้อง นั้นมีอยู่มากน้อยเพียงใด


                เมื่อปีใหม่มาถึงอีกครั้ง ทุกคนต่างแสวงหาสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดใส่ตน บางคนเชื่อว่า ต้องรับพรจากคนที่เคารพนับถือ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของประเพณี บางคนเชื่อว่าต้องรับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ บางคนเชื่อว่า พรที่ดีที่สุดสำหรับคนคือการทำความดีด้วยตนเอง

                บางคนทำความดีทั้งสามอย่าง เผื่อเหลือเผื่อขาด เดินทางไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือขอพร แล้วเดินทางไหว้พระหลายวัดหลายแห่ง บางคนมุ่งมั่นทำความดีด้วยตนเอง ซึ่งหลายคนยังงุนงงว่า ทำอย่างไรจึงถือว่าเป็นความดี และเป็นพรอันประเสริฐที่สุด

               วันก่อนขอความเมตตานุเคราะห์ถามหลวงพ่อ สำนักสงฆ์เขาหินเทิน ที่อยู่บนภูเขาชายขอบตำบลหนองแก หัวหิน ท่านตอบตามแนวทางของหลวงพ่อพุทธทาสว่า ทำดีดีกว่าขอพร ง่ายและสั้นดีเหลือเกิน แต่ความหมายลึกซึ้งกว้างไกล

                เรียนถามท่านต่อว่า ทำดี ทำอย่างไรครับ? ท่านเมตตาตอบแบบขยายความ จะไปยากอะไรโยม ยึดหลักใหญ่ไว้ก่อน 3 หลัก หลักแห่งทาน หลักแห่งศีล และหลักแห่งภาวนา ทำตามนี้แหละเรียกว่าทำความดี ปุถุชนผู้มืดบอด มีธุลีในดวงตามาก เริ่มงุนงง ท่านมองอย่างเมตตา อธิบายต่อไปอย่างง่ายๆ ว่า

                เพื่อแก้งง ขออธิบายต่ออีกนิดนะคุณโยม ข้อหนึ่ง การทำทาน ซึ่งชาวพุทธเรายึดถือปฏิบัติไว้ได้มาก ทำกันมากกว่าหลักแห่งความดีข้ออื่นๆ ผมถือโอกาสตอนที่ท่านเว้นระยะ แทรกถามท่านว่า แล้วไม่ค่อยจะถูกต้องหรืออย่างไรครับ

                ท่านยิ้มน้อยๆ ก่อนตอบว่า ถูกนะถูกต้องแน่ แต่ว่ามันถูกแค่หนึ่งในสามเท่านั้น ท่านเว้นระยะนิดหนึ่งแล้วบรรยายต่อไป ทำแต่ทาน ส่วนศีล และภาวนา ไม่เห็นนำมาพูดคุยกันเลย แล้วมันจะสมบูรณ์ได้อย่างไร

                โธ่ หลวงพ่อ ทำทานได้ก็เก่งแล้ว ในโลกบิดเบี้ยวใบนี้ ผมตอบพร้อมทำหน้าตาให้หลวงพ่อเห็นใจ ในความจำเป็นของชีวิตฆราวาส ที่มีแต่ความยุ่งเหยิงวุ่นวาย  ทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน้อท ไม่ได้ดอกคุณโยม ทำบุญต้องทำให้ครบสามด้าน ท่านกล่าวสอนแบบเรียบๆ

                เพราะอะไรหรือครับ ผมถามเชิงรุก เพราะผลที่ได้จากการทำบุญทั้งสามอย่างนั้นต่างกันไป ทานทำให้มีทรัพย์ ศีลทำให้ร่างกายสวยและแข็งแรงไม่มีโรคภัยเบียดเบียน และภาวนาทำให้เกิดปัญญา อยากรวยต้องรักการทำทานไว้ อยากมีร่างกายแข็งแรงต้องโรคน้อยต้องรักษาศีล อยากมีปัญญาต้องสวดมนต์ภาวนาไว้ ยิ่งมากยิ่งดี แล้วคุณโยมอยากได้บางอย่าง หรืออยากได้ทั้งสามด้าน ท่านถามต่อ

                การทำความดีก็ต้องทำให้ครบทั้งสามด้าน ผมตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ท่านจึงสอนต่อว่า ถูกต้องแล้วโยม ใครกันเล่าที่ต้องการเป็นคนรวย แต่ร่างกายไม่แข็งแรง และเป็นคนโง่  ใครกันที่ต้องการร่างกายแข็งแรงแต่ เป็นคนจน และเป็นคนโง่ ใครกันที่ต้องการเป็นคนฉลาด แต่จนและขี้โรค ผมฟังท่านถามแล้วเห็นจริงตามที่ท่านกล่าวมาว่า


                จึงถามท่านต่อ ทำทานทำได้อย่างไรบ้างครับ พระคุณเจ้าตอบแบบง่ายๆ ตามรูปแบบของท่าน วัตถุทาน อภัยทาน วิทยาทาน ธรรมทาน ท่านอธิบายต่อโดยไม่รอให้ผมมีโอกาสถาม วัตถุทานหรืออามิสทานให้สิ่งของ อภัยทานคือการให้อภัยไม่ถือโทษโกรธใคร วิทยาทานคือการให้ความรู้เป็นทาน ส่วนธรรมทานคือการให้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นทาน ทำครบสี่ข้อ ถือว่าการทำทานของคุณโยมสมบูรณ์เต็มเปี่ยม

                ผมถามต่อว่า ทำทานอย่างไรให้ได้บุญมากครับ เจตนาเป็นตัวกรรมโยม ต้องตั้งใจทำ ทั้งก่อนทำ กำลังทำ และทำแล้ว เจตนาต้องบริสุทธิ์ บุคคลผู้ให้และผู้รับบริสุทธิ์ สิ่งของที่บริจาคต้องบริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน ทำตามนี้ได้ ได้บุญมากแน่ พระท่านสอนไว้อย่างนั้น

                ศีลเล่าครับ ต้องทำอย่างไร จะไปยากอย่างไรเล่าโยม อย่าผิดศีล5ข้อ แค่นั้น ผมต้องไปรับศีลกับพระที่วัดหรือเปล่าครับ เอา แบบง่ายๆ ดีกว่านะ ถ้าที่บ้านมีหิ้งพระก็จุดธูปเทียนบูชาพระเสีย แล้วตั้งใจกับพระว่า ข้าพเจ้าขอตั้งใจรักษาศีล 5 คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดในกาม ไม่พูดเท็จ ไม่ดื่มเหล้า ถือว่าท่านมีศีลแล้ว

                ข้อภาวนาเล่าครับหลวงพ่อ ต้องทำอย่างไร ผมถามท่านต่อ อ่านหนังสือธรรมะ สวดมนต์ นั่งสมาธิ วิปัสสนา ทั้งหมดนี้ถือว่าอยู่ในข่ายของข้อภาวนา ท่านตอบแบบต้องการให้ผมถามต่อ

                อ่านหนังสือธรรมะเป็นการภาวนาอย่างไรครับหลวงพ่อ ภาวนาคือการทำใจให้สงบโยม การอ่านหนังสือธรรมะทำให้เราเรียนรู้มากขึ้น ฉลาดขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้นใจมันก็สงบเอง จริงไหม? สวดมนต์ก็เป็นอีกขั้นหนึ่งของความสงบ ยิ่งสวดมากยิ่งสงบมาก สงบมากก็ได้บุญมาก เป็นความดีมาก

                แล้วสมาธิกับวิปัสสนาต่างกันอย่างไรครับ สมาธิตั้งใจมั่นอยู่กับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง เช่น การกำหนดดวงแก้วกลมใสในท้องเป็นอาโลกสิณ การกำหนดลมหายใจเข้าออกเป็นอานาปานุสสติ เป็นต้น ส่วนวิปัสสนานั้น คือการรู้เข้าใจสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง เช่นการเกิดแก่เจ็บตายของสัตว์ทั้งหลายตามความเป็นจริงเป็นวิปัสสนา

                ทำอย่างไรจึงเป็นพรปีใหม่ที่ดีที่สุดสำหรับชาวบ้านทั่วๆ ไปครับหลวงพ่อ วิธีง่ายๆ ก็คือ เช้าตื่นขึ้นทำบุญตักบาตรพระเสียก่อนทุกวันไป ตั้งใจรักษาศีล 5 ไว้เสมอ และสวดมนต์ไหว้พระเช้าเย็นเป็นอาจิณ  แค่นี้ถือโยมได้รับพรอันประเสริฐทุกวันไปเลยนะโยม

                ผมก้มกราบหลวงพ่อ และตั้งใจว่าจะพยายามทำดีตามที่หลวงพ่อสั่งไว้ให้ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นพรอันประเสริฐสำหรับตัวผมเองตลอดปีใหม่ 2552 นี้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น